แบบฝึกหัดบทที่ 1
1. ระบบปฏิบัติการคืออะไร แตกต่างจากโปรแกรมประยุกต์อย่างไร
ระบบปฏิบัติการ คือ
ระบบคอมพิวเตอร์แทบทุกระบบถือว่าระบบปฏิบัติการเป็นส่วนสำคัญของระบบ
โดยทั่วไประบบคอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 4 ส่วน คือ ฮาร์ดแวร์ ระบบปฏิบัติการ โปรแกรมประยุกต์ และผู้ใช้
- โปรแกรมประยุกต์ คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อการทำงานเฉพาะอย่างที่เราต้องการ เช่น งานส่วนตัว งานทางด้านธุรกิจ งานทางด้านวิทยาศาสตร์ โปรแกรมทางธุรกิจ เกมส์ต่างๆ ระบบฐานข้อมูล ตลอดจนตัวแปลภาษา เราอาจเรียกโปรแกรมประเภทนี้ว่า User's Program โปรแกรมประเภทนี้โดยส่วนใหญ่มักใช้ภาษาระดับสูงในการพัฒนา เช่นภาษา C, C++, COBOL, PASCAL, BASIC
- โปรแกรมประยุกต์ คือ ซอฟต์แวร์หรือโปรแกรมที่ถูกเขียนขึ้นเพื่อการทำงานเฉพาะอย่างที่เราต้องการ เช่น งานส่วนตัว งานทางด้านธุรกิจ งานทางด้านวิทยาศาสตร์ โปรแกรมทางธุรกิจ เกมส์ต่างๆ ระบบฐานข้อมูล ตลอดจนตัวแปลภาษา เราอาจเรียกโปรแกรมประเภทนี้ว่า User's Program โปรแกรมประเภทนี้โดยส่วนใหญ่มักใช้ภาษาระดับสูงในการพัฒนา เช่นภาษา C, C++, COBOL, PASCAL, BASIC
2. ทำไมเครื่องคอมพิวเตอร์จึงจำเป็นต้องมีระบบปฏิบัติการ
ระบบปฏิบัติการจะอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์
ในลักษณะที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทราบกลไกการทำงาน หรือฮาร์ดแวร์ของระบบ
3. อะไรบ้างที่เป็นส่วนสนับสนุนปัจจัยให้นักพัฒนาระบบปฏิบัติการพัฒนารุ่นใหม่เพิ่มเติมขึ้นมาเรื่อยๆ
-ถ้ามองในเรื่องธุรกิจ
คุณไม่มีทางที่จะผลิตสินค้าเพียงตัวเดียวแล้วขายไ้ด้ตลอดอยู่แล้ว
ของกินยังออกรสชาติใหม่มาเรื่อย ๆ เลยครับ
OS ต่าง ๆ ก็ต้อง Upgrade ตัวเองไปเรื่อย ๆ ทั้งด้วยเหตุผลจากความปลอดภัยจากการโจมตีต่าง ๆ หรือให้รองรับกับอุปกรณ์ใหม่ ๆ เทคโนโลยี่ใหม่ ๆ
OS ต่าง ๆ ก็ต้อง Upgrade ตัวเองไปเรื่อย ๆ ทั้งด้วยเหตุผลจากความปลอดภัยจากการโจมตีต่าง ๆ หรือให้รองรับกับอุปกรณ์ใหม่ ๆ เทคโนโลยี่ใหม่ ๆ
-คงมีหลายเหตุผลตั้งแต่เรื่องผลตอบแทน
ความคิดในการอยากพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ความต้องการผู้บริโภคที่ไม่มีขีดจำกัด
การเกิดขึ้นของเทคโนโลยีใหม่ๆ
4. ยกตัวอย่างโปรแกรม เป็นระบบปฏิบัติการ
และโปรแกรมประยุกต์
1.โปรแกรมระบบ(Operating SystemหรือOS) เช่น Windows ,
Macronish, Linux ,MS Dos, Unix เป็นโปรแกรมที่สั่งให้เครื่องคอมทำงาน
ถ้าไม่มีโปรแกรมเหล่านี้เครื่องคอมพิวเตอร์ก็เปรียบเหมือนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่กินไฟเฉยๆ
แต่ไม่สามารถใช้งานได้
2.โปรแกรมประยุกต์(Application) คือโปรแกรมที่ใช้งานเฉพาะอย่างเช่นMS-Office, Photoshop, Paint, Antivirus เป็นต้น ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้จะทำงานได้ต้องอาศัยโปรแกรมระบบ
สรุป โปรแกรมระบบทำงานได้โดยไม่ต้องอาศัยโปรแกรมประยุกต์ แต่โปรแกรมประยุกต์ทำงานได้ต้องมีโปรแกรมระบบก่อนเท่านั้น
2.โปรแกรมประยุกต์(Application) คือโปรแกรมที่ใช้งานเฉพาะอย่างเช่นMS-Office, Photoshop, Paint, Antivirus เป็นต้น ซึ่งโปรแกรมเหล่านี้จะทำงานได้ต้องอาศัยโปรแกรมระบบ
สรุป โปรแกรมระบบทำงานได้โดยไม่ต้องอาศัยโปรแกรมประยุกต์ แต่โปรแกรมประยุกต์ทำงานได้ต้องมีโปรแกรมระบบก่อนเท่านั้น
5. สามารถแยกแยะออกได้ระหว่างระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องเดียว
และระบบปฏิบัติการเครือข่าย มีระบบการทำงานเป็นอย่างไร
ระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว (Stand - alone OS)
ระบบปฏิบัติการที่ให้บริการสำหรับผู้ใช้เพียงคนเดียว
นิยมใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ประมวลผลและทำงานแบบทั่วไป
รองรับการทำงานบางอย่าง เช่น พิมพ์รายงาน ดูหนัง ฟังเพลง
หรือเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต
ปัจจุบันพัฒนาให้มีคุณสมบัติที่เป็นเครื่องลูกข่ายเพื่อขอรับบริการจากเครื่องแม่ข่ายได้ด้วย
ตัวอย่างระบบปฏิบัติการแบบเดี่ยว
เช่น Windows , Macronish, Linux ,MS Dos, Unix
-ระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย (Network OS)
ระบบปฏิบัติการที่ออกแบบเพื่อจัดการงานด้านการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์
และการใช้ทรัพยากรร่วมกันได้
มีระบบป้องกันการสูญหายของข้อมูล
ตัวอย่างระบบปฏิบัติการแบบเครือข่าย
เช่น Windows Server , OS/2 Warp Server , Solaris ,
6. แสดงความคิดเห็นว่า แนวโน้มการพัฒนาระบบปฏิบัติการจะเป็นอย่างไร
10 แนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปี 2555 ในมุมมองของเขามีอะไรบ้าง
1. Touch Computing – วิธีการป้อนข้อมูลแบบใหม่ที่ใช้การสัมผัสจะกลายเป็นวิธีการหลักในปี 2555 นี้ ซึ่งการสัมผัสจะกลายเป็นวิธีการที่มาทดแทนวิธีเดิม
ดังที่การแสดงผลแบบกราฟฟิกสวยงามเคยเข้ามาแทนการพิมพ์ชุดคำสั่งในยุคก่อน
ดังนั้นเมาส์ก็อาจจะถูกทดแทนด้วยการสัมผัสก็เป็นได้
ซึ่งตัวชี้ก็คือการพัฒนาระบบปฏิบัติการที่เน้นรองรับการสัมผัส ไม่ว่าจะเป็น OS X หรือ Windows 8 ต่างก็ได้รับการต่อยอดมาจากระบบปฏิบัติการบนมือถือ
2. Social Gestures – การแบ่งปันหรือแชร์ข้อมูลให้คนอื่นทราบจะกลายเป็นเรื่องปกติ
ต่อไปนี้เวลาเราฟังเพลง ดูหนัง หรืออ่านหนังสือบนโลกออนไลน์
ข้อมูลกิจกรรมเหล่านี้จะถูกแจ้งให้เพื่อนเราทราบผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ
ที่เราได้อนุญาตไว้ แต่ในขณะเดียวกัน
ผู้ใช้ก็อาจจะเกิดอาการผวาในเรื่องความเป็นส่วนตัวก็ได้
3. NFC และ Mobile
Payments – ในปีนี้น่าจะเป็นปีที่ mobile
payment เติบโตอย่างงดงามโดยเฉพาะเทคโนโลยี NFC ซึ่งเราอาจจะเห็นในรูปแบบของการใช้โทรศัพท์ที่รองรับ NFC ในการชำระเงินที่จุดต่างๆ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าในปี 2556 ทุกๆ 1 ใน 5 ของโทรศัพท์จะรองรับ NFC ด้วย
4. Beyond iPad – ในขณะที่ Touch Computing เติบโตโดยมี iPad เป็นเจ้าตลาด Kindle
Fire ของ Amazon กลับผงาดขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่ต้องจับตามองได้
โดยเฉพาะช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมาที่ยอดการซื้อKindle Fire กระโดดขึ้นมาจนน่าตกใจ
สิ่งทีสำคัญที่ทำให้ Kindle
Fire และ Amazon น่ากลัวก็คือการมีฐานของข้อมูลที่มากกว่า
ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์, หนังสืออีบุ๊ค, รายการทีวี และคอนเทนต์รูปแบบอื่นๆ ที่ Amazonรองรับอยู่แล้ว
ซึ่งคอนเทนต์เหล่านี้มีพลังมากกว่าแค่ตัวเครื่อง ซึ่ง Amazon อาจจะกลายเป็นแพลทฟอร์มสำหรับนักพัฒนาที่สามารถต่อกรกับ iPad ได้
5. TV Everywhere – (สำหรับตลาดในประเทศตะวันตกเป็นหลัก) ในขณะเราเริ่มคุ้นเคยกับการดูวิดีโอหรือคลิปต่างๆ
ผ่านช่องทางออนไลน์และคิดว่ารายการทางเคเบิ้ลหรือทีวีทั่วไปกำลังจะได้รับความนิยมลดลง
บริษัทยักษ์ใหญ่หลายๆ รายก็ได้เริ่มปรับตัวและเปิดให้เราสามารถดูรายการต่างๆ
บนอุปกรณ์พกพาได้ด้วย ซึ่งการสมัครเพียงครั้งเดียวจะทำให้ผู้บริโภคสามารถดูรายการต่างๆ
ได้หลากหลายช่องทางและทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจไม่ยกเลิกการสมัครเป็นสมาชิกบริการเหล่านี้
6. Voice Control – การสั่งงานหรือควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ
ด้วยเสียงกลับมาฮือฮาอีกครั้งกับการมาของ Siri บน iPhone 4S ซึ่งด้วยความสามารถที่เหนือชั้นมากขึ้นจึงทำให้กระแสนี้กลับมาบูมและแน่นอนว่าผู้ให้บริการ
ผู้พัฒนาและผู้ผลิตอีกมากมายจะกระโดดลงมาสู่เส้นทางนี้อย่างแน่นอน
7. Spatial Gesture – นอกจากการสัมผัสที่กำลังมานั้น
การควบคุมด้วยการเคลื่อนไหวก็กำลังจะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ลองนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Minority Report ที่ Tom Cruise ขยับมือในอากาศเพื่อสั่งงานคอมพิวเตอร์ดู
นั่นแหละครับคือกระแสที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากที่ Kinect ของ Microsoft ได้เกิดขึ้นและมีนักพัฒนาจำนวนไม่น้อยได้พยายามดัดแปลงเอาไปใช้งานในรูปแบบอื่นๆ
8. Second-screen Experiences – ประสบการณ์การใช้งานจอที่สองกำลังจะเกิดขึ้น
ลองนึกว่าคุณกำลังดูโทรทัศน์โดยมี iPad ในมือแล้วคุณใช้ iPad ฟังเสียงรายการที่เปิดอยู่ จากนั้นบนจอ iPad ก็แสดงผลคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับรายการนั้นๆ ทันที
บริการดังกล่าวเริ่มมีให้เห็นแล้ว เช่น Disney ที่พัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับภาพยนตร์เรื่อง The Lion King หรือ Bambi ซึ่งบริการรูปแบบนี้น่าจะมีให้เห็นมากขึ้นในปีนี้
9. Flexible Screens – ถึงเวลาของหน้าจองอได้แล้ว Nokia และ Samsung ออกมาประกาศแล้วว่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้หน้าจอที่ยืดหยุ่นออกมาให้เห็นในปีนี้
ซึ่งการใช้งานอาจจะเอื้อต่อการซูมเข้าออกเวลาดูรูป หรือการเลื่อนหน้าด้วยการบิดจอ
แต่การงอระดับที่จะม้วนจอเก็บในกระเป๋ากางเกงได้นั้นคงต้องใช้เวลาอีกหลายปีทีเดียว
10. HTML5 – เราได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว
แต่คงถึงเวลาที่ HTML5 จะเกิดอย่างจริงจังเสียที
ซึ่งความนิยมของ iOS และ Android ก็มีส่วนช่วยผลักดันไม่น้อย
เพราะการพัฒนาแอพพลิเคชั่นบน HTML5 จะช่วยให้การแสดงผลต่างๆ
อยู่ในคุณภาพที่ดีมากและไม่ขึ้นกับระบบปฏิบัติการ นั่นหมายถึงว่านักพัฒนาสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพียงครั้งเดียวแล้วให้แสดงผลได้ทั้งบน iOS และ Android พร้อมๆ กัน